เราอาจจะคุ้นตาหยกในรูปแบบสีเขียว ที่มาขายกันอยู่ทั่วไป เนื่องจากชาวจีนมีความเชื่อว่าหยกสีเขียวนั้นเปรียบได้กับจักรพรรดิแห่งหยก ดังนั้นเวลาที่คนเราจะซื้อหยกมาสวมใส่ก็เลยอยากจะได้อะไรที่มันเป็นที่สุดมาครอบครอง จึงเกิดการเลือกซื้อเฉพาะแต่หยกเขียวกันเป็นลำดับแรก
แต่ความจริงแล้วหยกแบ่งได้ 2 ประเภทใหญ่ๆคือ
แบบเจไดต์ (JADEITE) ซึ่งมีโซเดียมอะลูมิเนียมซิลิเกตเป็นส่วนผสมหลัก อันจะทำให้หยกนั้นมีสีสดมากและถือว่าเป็นหยกคุณภาพดีที่สุด
หยกชนิดเนฟไฟร์ต (NEPHRITE) ที่มีแคลเซียมแมกนีเซียมซิลิเกตเป็นส่วนผสมหลัก ซึ่งหยกชนิดหลังนี้จะเป็นหยกที่มีคุณภาพต่ำกว่าหยกชนิดแรก เพราะจะมีสีที่ไม่สดใสแลดูด้านๆ จึงไม่ค่อยเป็นที่นิยมเท่าใดนัก
หยกม่วงที่นิยมที่เป็นที่พูดถึงนี้ เป็นหยกในประเภทเจไดต์ มีสีม่วง อันถือว่าเป็นหยกยุพราช หรือหยกรัชทายาท บ้างก็เรียกกันว่าเป็นหยกแห่งนักปราชญ์ชาวจีนนั้นถือว่าสีม่วงนั้นเป็นสีแห่งพลังงานที่สมดุลของน้ำและไฟอันจะก่อให้เกิดพลังไอน้ำ ซึ่งเป็นพลังงานที่สำคัญและมีพลังอำนาจมาก ซึ่งไอน้ำนี้ต่อไปจะเกิดการกลั่นตัวจนเป็นหยดน้ำหรือน้ำฝน ที่จะนำมาซึ่งชีวิตและความอุดมสมบูรณ์ในอนาคต ชาวจีนจึงมักใช้สีม่วงเป็นสีตัวแทนแห่งราชบุตร แล้วการจัดชั้นวรรณะของหยกก็จะมีการนำเอาหยกสีม่วงมาจัดลำดับชั้นให้เป็นหยกแห่งยุพราชและเหล่านักปราชญ์อีกด้วย เนื่องเชื่อกันว่าพวกชนในวรรณะเหล่านี้เป็นบุคคลซึ่งเป็นกลไกส่วนหนึ่งของรัฐที่จะนำมาซึ่งความเจริญในอนาคตให้แก่รัฐนั้นๆ ในภายภาคหน้า
หยกม่วงนี้ถือว่าเป็นหยกที่คู่ควรแก่เหล่าบรรดานักปราชญ์ นักคิดนักคำนวณ นักบริหารรุ่นใหม่ไฟแรง อีกทั้งยังเป็นหยกแห่งความหวัง ด้วยเชื่อว่าผู้ใดที่สวมใส่หยกม่วงแล้วความหวังในชีวิตที่เขาปรารถนานั้นจะสำเร็จลุล่วงไปได้ด้วยดี ทำให้เกิดภูมิปัญญาที่ชาญฉลาด สามารถฟันฝ่าปัญหาต่างๆ ได้ง่ายดายโดยปราศจากอุปสรรค
อีกทั้งยังเชื่ออีกว่าหยกม่วงนี้สามารถขจัดภูตผีปิศาจที่จะมาคอยรบกวนเราได้อีกด้วย แล้วสามารถปรับเปลี่ยนพลังที่ชั่วร้ายให้กลับมาเป็นดี มาช่วยส่งเสริมเราได้ด้วย
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น