หลายท่านคงอาจจะงงๆว่า ปะการังจัดมาเป็นอัญมณีได้อย่างไร
ปะการังจัดเป็นสิ่งมีชีวิตขนาดเล็กประเภทหนึ่ง มีความแตกต่างจากสิ่งมีชีวิตอื่นๆตรงที่จะมีโครงสร้างเป็นหินปูนเป็นรูปทรงต่างๆ ห่อหุ้มตัวปะการังที่มีลักษณะอ่อนนุ่มที่อยู่ภายใน รูปทรงของหินปูนมีทั้งแบบเป็นแผ่น เป็นก้อน หรือแบบกิ่งก้านเหมือนต้นไม้ แผ่ขยายออกไปเรื่อยๆจนเป็นแนวปะการัง เจริญเติบโตได้ดีที่อุณหภูมิ 8 - 27 องศา แสงแดดพอประมาณ
ปะการังตัวหนึ่งๆเมื่อโตเต็มที่จะให้กำเหนิดลูกปะการังเล็กลอยไปตามกระแสน้ำ ซึ่งสามารถลอยไปได้ไกลมาก และเมื่อไปเกาะจับตามโขดหินหรือวัตถุที่มีลักษณะแข็ง ปะการังก็จะเริ่มสร้างหินปูนออกมาห่อตัวมันเองและขยายไปเรื่อยๆจนเป็นรูปร่างต่างๆ
ปะการังยังเป็นที่อาศัยของสิ่งมีชีวิตอีกหลายชนิด เช่นปลาและพวกสัตว์ที่ไม่มีกระดูกสันหลัง เนื่องจากความแข็งแรงของหินปูนของปะการัง จะช่วยเป็นเกราะให้พวกมันได้เพราะสัตว์ที่อาศัยในแนวปะการังเหล่านี้มีขนาดเล็ก ทำให้มันสามารถซอกซอนเข้าไปหลบตามรู ตามซอกของปะการังจากนักล่าได้เป็นอย่างดี
คนโบราณเชื่อกันว่า ปะการังมีพลังในการปกป้องคุ้มครองผู้ที่เดินทาง โดยเฉพาะการเดินทางไกล การย้ายถิ่นฐาน โดยให้นำปะการังในพื้นที่ติดตัวไปด้วย นอกจากจะเชื่อว่าจะช่วยคุ้มครองการเดินทางให้ปลอดภัยแล้วยังช่วยให้รู้สึกใกล้ชิดกับถิ่นฐานเดิมได้อีกด้วย ชาวฮินดูมักจะนิยมใช้ปะการังในการป้องกันและกำจัดสิ่งชั่วร้ายต่างๆ โดยเฉพาะชาวทะเลจะนิยมแขวนปะการังไว้หน้าบ้าน ยิ่งเป็นบ้านที่มีเด็กแรกเกิดจะต้องมีปะการังแขวนอยู่หน้าบ้านทั้งสิ้น พวกเขาเชื่อว่าปะการังจะช่วยให้ภูติวิญญาณต่างๆที่จะมาเอาวิญญาณเด็กไม่กล้าเข้ามาใกล้บ้านและยังช่วยคุ้มครองภัยต่างๆไม่ให้เกิดขึ้นกับเด็กอีกด้วย
สีของปะการังก็มีผลต่อความเชื่อต่างๆของคนโบราณ อย่างปะการังสีแดงที่เข้มจัด คนที่เป็นผู้นำ หรือนักรบเท่านั้นที่จะสามารถครอบครองได้ สีชมพูจะเหมาะกับนักคิด นักเขียน สีส้มเหมาะกับพ่อค้า นักการเงิน และสีน้ำตาลเหมาะกับผู้ใช้แรงงาน
ในด้านการบำบัดรักษาโรค เชื่อกันว่าจะช่วยให้กำลังใจในยามที่ร่างกายอ่อนแอ ขาดกำลังใจ แต่ชาวอินเดียเชื่อกันว่า ปะการังจะช่วยเสริมสมรรถภาพทางเพศ กระตุ้นพลังทางเพศได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนของเลือด ช่วยรักษาโรคในช่องปาก เหงือกและฟันที่ไม่แข็งแรง ช่วยรักษาโรคเกี่ยวกับระบบการย่อยอาหาร
สมัครสมาชิก:
ส่งความคิดเห็น (Atom)
0 ความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น